Faker

Faker เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2019 ที่ผ่านมานั้นนับว่าเป็นอีกหนึ่งวันที่ดีเป็นอย่างมากสำหรับ เฟคเกอร์ เพราะเขาอายุครบ 23 ปีพอดีในระหว่างที่กำลังแข่งขัน MSI 2019 ที่จะเป็นจุดตัดสินของเขาอีกครั้ง วันนี้นี้ทาง BangkokEsports ได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดของชายผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นพระเจ้าของวงการ Esports เกม LoL มาให้ทุกๆ คนได้รู้กันครับสามารถดูเป็นคลิปแทนการอ่านได้ที่ตรงนี้เลยครับ

นาย Lee “เฟคเกอร์”Sang-hyeok เกิดในวันที่ 7 พฤษภาคม 1996 และ เติบโตที่ประเทศเกาหลีใต้เขาเติบโตมาโดยพ่อของเขานาย Lee Kyung Jun ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวผู้ที่เชื่อว่าเขาจะเติบโตเป็นโปรเพลยเยอร์ได้จริงๆในตอนเด็กเขาเล่นเกม MOBA เกมแรกที่ชื่อ Chaos ก่อนที่จะย้ายมาเล่นเกมที่จะทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปตลอดกาลนั่นก็คือ League of legends ในเดือนธันวาคมปี 2011 หลังจากที่เขาพบเกมบนโฆษณาบราวเซอร์ตัวนึงแน่นอนว่าเขาติดเกม LoL เข้าอย่างจังจนเป็นผู้เล่นระดับสูงได้สำเร็จซึ่งในช่วงนั้นเขาต้องเลือกระหว่างว่าจะเรียนต่อในระดับมัธยมหรือเป็นโปรเพลยเยอร์ Esports แน่นอนว่าด้วยความมั่นใจใน ฝีมือของตัวเองเขาเลือกอย่างหลังแบบไม่ลังเลและได้เข้าร่วมกับทีม SKT K ที่ก่อตั้งในปี 2013 โดยทีมนี้เป็นทีมลูกของ SKT หลักซึ่งเกิดขึ้นมาเพื่อเขาโดยเฉพาะและนี่เองนับเป็นก้าวแรกของเขาที่เข้าสู่วงการ Esports แบบเต็มตัวสำหรับที่มาว่าทำไมถึงต้องเรียกเขาว่า slotxo นั้นในตอนนี้ยังไม่มีใครที่รู้และยังคงเป็นปริศนาที่เจ้าตัวไม่ยอมบอกเพราะว่าเมื่อเขาถูกถามก็มักจะบอกว่า 

“เฟคเกอร์ เป็นที่ชื่อดูเป็นในแง่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก แต่ก็เท่ดีครับ”

หลังจากการจัดตั้งทีมขึ้นมาซึ่งประกอบไปด้วยผู้เล่นตัวระดับท็อปๆ ที่พวกเราทุกคนต้องคุ้นชื่ออย่างแน่นอนอย่าง Impact, bengi, Piglet, and PoohManDu ซึ่งนับได้ว่าเป็นผู้เล่นที่มากด้วยพรสวรรค์กันทั้งนั้น จึงไม่แปลกใจที่ฟอร์มของพวกเขาจะขึ้นไปอยู่ในระดับท็อปของลีกเกาหลีใต้อย่างรวดเร็วทแน่นอนว่าในปีนั้นเองเขาได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองอีกหลายต่อหลายครั้งไม่ว่าจะเป็น OLYMPUS Champions Spring 2013 และจบด้วยที่ 3 ตั้งแต่ปีแรกที่จัดตั้งทีมและจัดการ Solo kill โปรอย่าง Ambition

ที่ตอนนั้นยังเล่นตำแหน่งมิดเลนเนอร์และนับว่าเป็นเบอร์ต้นๆ ของลีกเกาหลีใต้ได้อย่างง่ายดายจนผู้คนเริ่มสนใจเขามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและด้วยการเล่น  joker ของเขาที่ตอนเรียกว่าจัดจ้านเป็นอย่างมากทำให้เป็นที่จดจำแต่ปี 2013 ยังไม่ได้จบลงแต่เพียงเท่านี้เมื่อ เฟคเกอร์ นั้นได้โชว์ความเป็นพระเจ้าที่แท้จริงในการแข่งขัน Season 3 Korea Regional Finals เพื่อชิงตั๋วไปการแข่งขัน World Championship โดยจะมีเพียงทีมเดียวเท่านั้นที่ได้ไปซึ่งในตอนนั้นเองเป็นการปะทะกันระหว่าง SKT กับ KT Bullet และช็อตในตำนานที่ตราตรึงทุกคนก็ได้ปรากฏให้เราเห็นเมื่อการปะทะกันระหว่าง Zed Vs Zed ช็อตนั้นสร้างชื่อเสียงให้กับ เขาอย่างมากมายมหาศาลและนำพาให้เขาชนะการแข่งขันนี้จนได้ไป World Champioship 2013 และคว้าถ้วยกลับมาตั้งแต่ปีแรกที่เล่นเลยอีกด้วย พร้อมกับสร้างวลีเด็ดไว้ว่า

เมื่อเปิดตัวมาได้ดีขนาดนี้ทำให้ เฟคเกอร์ ถูกสถาปนาขึ้นเป็น ‘พระเจ้า’ หรือผู้เล่นที่คนทั้งโลกต่างยกย่องว่าเก่งที่สุดในโลกของ League of legends และโปรเพลย์เยอร์ทุกคนจริง ๆโดยเฉพาะผู้เล่นมิดเลนเนอร์อยากจะก้าวไปทัดเทียมให้เท่าเขาเป็นที่สุด ซึ่งตัวเขาเองเคยให้สัมภาษณ์ไว้กับทาง Invenglobal ไว้ว่า เขาชื่นชอบเป็นอย่างมากที่จะได้เป็นเป้าหมายให้กับใครหลาย ๆ คนมันท้าทายและช่วยให้เขาไม่หยุดอยู่กับที่แน่นอนว่าเส้นทางของพระเจ้าที่ยังมีชีวิตอยู่ไม่ได้จบแต่เพียงเท่านั้นเพราะหลังจากนั้นมาเขาพาทีม SKT ชนะการแข่งขันเยอะเป็นอย่างมากหากให้สรุปโดยสั้น ๆ นั้นก็คือพา SKT ชนะรายการ LCK ทั้งหมด 7 ครั้งรายการ World Champioship 3 สมัย และ MSI อีก 2 ครั้งด้วยกัน ซึ่งนับว่าเป็นผู้เล่นที่มีแชมป์มากที่สุดในโลกกว่าได้

ต่อมาในปี 2014 พระเจ้าต้องเจอกับปีที่ยากลำบากและ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเมื่อพวกเขาถูกจัดการซะอยู่หมัด และอดที่จะไปแข่งขันในรายการ World Champioshiop 2014
ซึ่งเขาได้เคยบอกไว้ว่ามันเหมือนกับฝันร้ายเลยก็ไม่ปานนอกจากนี้ ผู้เล่นยังถูกเปลี่ยนออกถึง 2 คนนั่นก็คือ Piglet และ Impact จากความผิดหวังในครั้งนี้ก่อนที่โค้ช kkOma จะหาผู้เล่นที่จะคู่ใจกับ เขาไปอีกนานถึง 2 ปีด้วยกันนั้นก็คือ Marin, Easyhoon, Bang และ Wolf นั่นเองโดยในบทสัมภาษณ์ตอนที่ฟอร์มของ live22 กลับมาดีแล้วในปี 2015 ที่ เขาต้องสลับกันเล่นกับ Easyhoon นั้นเขาได้บอกไว้ว่า: ในช่วง SPRING ที่ผมกับ EASYHOON ต้องสลับกันเลนแล้วทีมสามารถชนะในแมทช์นั้นได้ ผมก็รู้สึกดีใจอยู่หรอกแต่ว่าเมื่อคุณเห็นทีมตัวเองชนะโดยไม่มีคุณร่วมอยู่ด้วย มันเหมือนไม่ใช่ความสุขจริง ๆ

ซึ่งในปี 2015 เขารู้สึกแบบนั้นมาโดยตลอดทั้งปีและยังไม่มีโอกาสได้พิสูจน์ว่าเขาดีกว่า Easyhoon แบบชัด ๆ จนกระทั่งในการแข่งขัน MSI 2015

ซึ่งทีม SKT ได้ผ่านเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศก็มาถึงเมื่อพวกเขาต้องเจอกับ EDG และแพ้ไปก่อนที่ 2 – 1 โดยห้ามแพ้อีกเด็ดขาดก่อนที่โค้ช kkoma จะตัดสินใจส่ง Faker ลงสนามและเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง

โดยการพาทีมขึ้นมาเสมอเป็น 2 – 2 ก่อนที่ในเกมสุดท้ายนั้นเขาจะได้หยิบ Leblanc ที่เขาถนัดและไม่เคยแพ้ในการแข่งขันระดับโปรเพลยเยอร์มาก่อน

ทุกอย่างเหมือนจะดูดีไปหมดและผู้ชมทั้งแฟน ๆ ต่างเชื่อมั่นว่าเขาจะสามารถชนะได้ทว่าก EDG กับหยิบตัวที่เป็นเหมือน Counter Pick อย่าง Morgana มา

เฟคเกอร์ ทำหน้าที่ของเขาได้ดีที่สุดแล้วแต่ผลสุดท้ายทุกอย่างก็จบลงที่ความพ่ายแพ้ของ SKT และเป็นครั้งแรกที่ Leblanc ของเขาแพ้อีกด้วยจนเขาถึงกับหมดกำลังใจไป และได้ว่าช่วงนั้นคือช่วงที่ตกต่ำที่สุดของเขาก็ว่าได้จนกระทั่งในการแข่งขัน World Championship 2015 ฟอร์มของพวกเขากลับมาดีขึ้นอีกครั้งหลังจากที่หลาย ๆ คนคาดว่า SKT คงจะหมดยุคลงซะแล้วซึ่งพวกเขาก็ทำให้ได้เห็นกันด้วยการโค่น KOO Tiger ไปได้เเละยึดเอาถ้วยแชมป์ใบที่ 2 มาครองได้สำเร็จซึ่งเขาได้พูดไว้ว่า

“ในตอนแรกผมไม่รู้ว่าหลังจากที่ได้แชมป์ไปแล้วผมจะทำอะไรต่อไป แต่เมื่อผมต้องเจอกับปีที่ยากลำบากที่ผ่านมาตลอด ทำให้ผมได้รู้ว่าการรักษาแชมป์และจุดสูงสุดไว้นั้นเป็นแรงผลักดันให้ผมยังคงตั้งใจเล่นต่อไปครับ“

และในปี 2016  เขาก็ไม่มีคู่แข่งในทีมอีกต่อไปเมื่อ Easyhoon ได้ย้ายออกไปเล่นในลีกจีนให้กับทีม Vici Gaming และ เขาเองก็ได้โอกาสในการทวงคืนสิ่งที่ขาดหายไปนั่นก็คือตำแหน่งแชมป์รายการ MSI 2016 ซึ่งเขาก็ทำมันได้ในที่สุด และแน่นอนว่าเขาทำมันได้สำเร็จพร้อมทั้งยังลามไปถึง World Championship 2016 ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 3 แล้วที่เขาได้ไปครองซึ่งมีเพียงแค่ Faker กับ Bengi เท่านั้นที่ได้ชื่อว่าเป็นแชมป์โลก LoL 3 สมัย

ก่อนที่ในปี 2017 จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อ Bengi ออกจากทีมและ SKT ได้เชิญ Peanut คู่หูคู่จิ้นของ เขาเข้ามาในทีม ซึ่งดูเหมือนจะเป็นไปด้วยดีเพราะพวกเขาก็สามารถเอาชนะ MSI 2017 ได้อีกสมัย

และแล้วจุดเปลี่ยนก็มาถึงอีกครั้งเมื่อในการแข่งขัน World Chmapioship 2017 ซึ่งเขาจะต้องจดจำมันไปอีกนานซึ่งเป็นการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศที่เจอกับ SSG โดยในเกมที่ 3 ซึ่ง SKT โดนนำไปก่อนแล้วถึง 2 – 0 ด้วยกัน ซึ่งพวกเขาไม่มีโอกาสให้ได้แพ้อีกต่อไปแล้วจังหวะสุดท้ายที่จบเกมนั้น เขาเล่นพลาดจนโดนเก็บคิลไปคนแรกก่อนที่เกมจะไหลตามจนพวกเขาต้องพ่ายแพ้ไปในที่สุดซึ่งช็อตจับมือหลังจบการแข่งขัน

Faker ได้แต่เพียงฟุบหน้าลงกับโต๊ะและน้ำตาของพระเจ้าก็ไหลเป็นครั้งแรกจากการแข่งขันนี้….

ดูเหมือนว่าช่วงเวลาแห่งความทุกข์ทรมานจะกลับมาอีกครั้งเมื่อปี 2018 ฟอร์มของพวกเขาเป๋ไปเยอะเป็นอย่างมากทั้งทีมจนทำให้ในปีนี้เป็นปีแรกเช่นกันที่ทีม SKT ไม่ได้ไป World Championship เป็นครั้งที่ 2 ต่อจากปี 2014 และเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายในทีมจนนำไปสู่การเปลี่ยนยกแผงยกเว้น เขา ทียังคงอยู่ในทีม SKT และเติมผู้เล่นใหม่กว่า 6 คนด้วยกันและเป็นระดับเทพทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น Khan, Mata, Clid, Teddy และคนอื่น ๆ ซึ่งผลงานของพวกเขาในปี 2019 นี้ก็ไม่ทำให้พวกเราผิดหวัง